ประวัติความเป็นมาของ..สุคิริน ↷
ประวัติความเป็นมา
เดิมตำบลสุคิรินเป็นหมู่บ้านหนึ่งของตำบลมาโมง ขึ้นกับอำเภอแว้ง ต่อมาในปี 2520 ได้มีการจัดตั้งกิ่งอำเภอสุคิริน และหมู่บ้าน สุคิรินได้แยกจากตำบลมาโมง ยกฐานะขึ้นเป็นตำบลสุคิริน ขึ้นกับกิ่งอำเภอสุคิริน จนถึงปี 2529 กิ่งอำเภอสุคิรินได้ยกฐานะเป็นอำเภอสุคิริน จนถึงปัจจุบัน
พื้นที่
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา มีที่ราบเชิงเขาบ้างเล็กน้อย ราษฎรประกอบอาชีพหลักในการทำสวนยางและสวนผลไม้ ส่วนอาชีพรอง ได้แก่ ค้าขาย และอุตสาหกรรมในครัวเรือน เช่น การจักสานหวาย ไม้กวาดดอกหญ้า และเลี้ยงสัตว์
เขตพื้นที่
ทิศเหนือ ติดกับ อบต.เกียร์ อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส
ทิศใต้ ติดกับ อบต.ร่มไทร อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส
ทิศตะวันออก ติดกับ อบต.เกียร์ , อบต.มาโมง อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส
ทิศตะวันตก ติดกับ อบต.จะแนะ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส
ทิศใต้ ติดกับ อบต.ร่มไทร อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส
ทิศตะวันออก ติดกับ อบต.เกียร์ , อบต.มาโมง อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส
ทิศตะวันตก ติดกับ อบต.จะแนะ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส
อาชีพ
อาชีพหลัก ทำสวน/ทำไร่
อาชีพเสริม ค้าขาย อุตสาหกรรมในครัวเรือน และเลี้ยงสัตว์
อาชีพเสริม ค้าขาย อุตสาหกรรมในครัวเรือน และเลี้ยงสัตว์
สาธารณูปโภค
จำนวนครัวเรือนที่มีไฟฟ้าใช้ในเขต อบต. 1,795 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 80.00 ของพื้นที่
การเดินทาง
ถนนลาดยางทุกสายจากอำเภอถึงหมู่บ้านของตำบลสุคิริน หมู่บ้านที่ไกลสุด คือ หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 12 ห่างจากอำเภอ 36 กิโลเมตร
ผลิตภัณฑ์
แหล่งท่องเที่ยว ,ของชำร่วย,น้ำยาล้างจาน,พวงหรีด,จักสาน
ชาวฝรั่งเศสได้รับสัมปทานการทำเหมืองแร่ทองคำที่บริเวณภูเขาลีซอ (ภูเขาโต๊ะโม๊ะปัจจุบัน) ซึ่งในขณะนั้นตั้งอยู่ที่ตำบลโต๊ะโม๊ะ ( ตำบลภูเขาทองในปัจจุบัน ) ราษฎรจึงได้อพยพเข้ามาทำงาน ที่เหมืองแร่ทองคำเป็นจำนวนมาก ทางราชการจึงได้จัดตั้งกิ่งอำเภอปาโจ ขึ้นในปี พ.ศ.๒๔๗๔ สมัยหม่อมทวีวงศ์ ถวัลศักดิ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ขึ้นการปกครองกับอำเภอโต๊ะโม๊ะ (อำเภอแว้งปัจจุบัน) โดยแบ่งเขตการปกครองออกเป็น ๒ ตำบล คือ ตำบลโต๊ะโม๊ะ และตำบลมาโมง มีประชากร ๒,๐๐๐ คน เศษ ตั้งที่ว่าการอำเภอปาโจที่ตำบลโต๊ะโม๊ะ เพื่อสะดวกต่อการปกครอง การให้บริการแก่ประชาชน และดูแลผลประโยชน์ของทางราชการในการจัดเก็บภาษีอากร
ภายหลังสงความอินโดจีน เจ้าของเหมืองแร่ทองคำชาวฝรั่งเศส ได้หลบหนีภัยสงคราม ละทิ้งงานเหมืองแร่ทองคำ รัฐบาลไทยโดยกองโลหะกิจ กรมที่ดินและโลหะกิจ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ให้คุณพระอุดมธรณีศาสตร์ เป็นผู้ดำเนินกิจการเหมืองแร่ทองคำแทน ประมาณ ๑ ปีเศษ ได้เกิดการฉ้อราษฎร์บังหลวง ปล้นสะดมทองคำและเกิดเหตุการณ์ไม่สงบทั่วไปในบริเวณเหมืองแร่ทองคำ แต่เจ้าหน้าที่ก็ได้ปราบปรามผู้ก่อการไม่สงบได้ทางราชการจึงได้ล้มเลิกกิจการการทำเหมืองแร่ทองคำ และมอบหมายให้ นายสนาม เลิศวาโช (น้องชายคุณพระอุดม) เป็นผู้ดูแลทรัพย์สินเครื่องจักรกล ราษฎรจึงได้พยายามกลับภูมิลำเนาเดิม กิ่งอำเภอปาโจจึงถูกยุบเลิกไป ประมาณปี พ.ศ.๒๔๘๔
เมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๐๖ คณะรัฐมนตรีได้มีมติโดยให้กรมประชาสงเคราะห์ จัดตั้งนิคมพัฒนาตนเองภาคใต้ จังหวัดนราธิวาส เพื่ออพยพราษฎรที่มีฐานะยากจน และไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเองจากท้องที่ต่าง ๆ เข้ามาประกอบอาชีพ เขตนิคมคลุมพื้นที่ ๒ อำเภอ คือ อำเภอสุคิรินและอำเภอจะแนะ เนื้อที่ประมาณ ๕๑๐,๐๐๐ ไร่ และได้ประกาศพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเอง พัฒนาภาคใต้ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๗ โดยมีประชากรที่อพยพมาจากที่ต่าง ๆ ได้แก่ อพยพมาจาก ภาคกลางและภาคอีสาน คือ จังหวัด นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ และ พระนครศรีอยุธยา รัฐกลันตัน ,เขาศูนย์, เป็นสมาชิกโครงการพระราชดำริ,เป็นราษฎรเดิมในพื้นที่ และมาจากภาคใต้ทั่วไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น